kie

free counters

ปฏิทิน


รายละเอียด


อยู่ในเขตตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว มีหลักฐานทางโบรารคดีกระจายอยู่ในพื้นที่ ๓ บริเวณด้วยกันคือ

บริเวณดงปู่ตา อยู่ทางด้านทิศเหนือของบ้านกู่จาน พบใบเสมาจำนวน ๑๐ ใบ ทำจากหินทรายแดง รูปทรงด้านบนคล้ายกลีบดอกบัว บริเวณกึ่งกลางใบสลักลวดลายเป็นสันนูน และลายยอดสถูปเทินเหนือหม้อน้ำปูรณฆฏะที่มีความหมายแทนองค์สถูป ใบเสมาเหล่านี้ปักอยู่ในลักษณะเดิมทั้งหมด และยังพบใบเสมารูปแปดเหลี่ยมอีก ๑ ใบ ทำด้วยศิลาแลง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๘๐ เซ็นติเมตร สูง ๑ เมตรเศษ บริเวณดอนกู่ มีศาสนสถานที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมเขมร ลักษณะเป็นปราสาทก่อด้วยศิลาแลงและอิฐ สร้างขึ้นประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ แผนผังอาคารประกอบด้วยปราสาทประธาน บรรณาลัย และสระน้ำ ปัจจุบันตัวปราสาทเหลือเพียงอิฐรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้างด้านละ ๗ เมตร ด้านตะวันออกของปราสาทเป็นบรรณาลัยก่อด้วยศิลาแลง สระน้ำอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาท เป็นสระรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส บริเวณตัวปราสาทมีแท่นฐานทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สันนิษฐานว่าเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพ ๓ องค์ ที่เรียกว่า รัตนตรัยมหายาน ประกอบด้วยพระพุทธรูปปางนาคปรกอยู่ตรงกลาง พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตาขนาบอยู่สองข้าง ลักษณะแผนผังอาคารคล้ายองค์ประกอบศาสนสถานที่เรียกว่า อโรคยาศาล หรือโรงพยาบาล ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ให้สร้างขึ้น ณ สถานที่ต่าง ๆ จำนวน ๑๐๒ แห่ง ใช้สำหรับเป็นสถานพยาบาลประชาชนที่เจ็บป่วย มีพบอยู่ทั่วไปในเขมร และไทย วัดกู่จาน เมื่อประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว มีชาวลาวอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านกู่จาน ห่างจากองค์พระธาตุไปทางทิศตะวันตก ได้บูรณะพระธาตุเก่าที่มีอยู่เดิมตลอดมา องค์พระธาตุเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบอีสาน (ล้านช้าง) คือมีส่วนยอดธาตุเป็นทรงบัวเหลี่ยม ฐานพระธาตุต่ำลักษณะเป็นฐานบัว ประกอบด้วยบัวคว่ำบัวหงายเตี้ย ๆ ส่วนท้องไม้มีลูกแก้วอกไก่คั่นกลาง องค์เรือนธาตุค่อนข้างสูงไม่มีลวดลาย ส่วนยอดธาตุเป็นทรงบัวเหลี่ยมซ้อนทับกันสองชั้น มีกลีบบัวประดับส่วนโคนของพุ่มบัวเหลี่ยม ยอดบนสุดประดับด้วยฉัตร




แผนที่แหล่งโบราณคดีในเขตบ้านกู่จาน บ้านงิ้ว จังหวัดยโสธร




ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


รายละเอียด


แหล่งโบราณคดีบ้านบึงแก อยู่ที่บ้านบึงแก ตำบลบึงแก อำเภอมหาชนะชัย ตั้งอยู่บนเนินดินที่มีลักษณะค่อนข้างกลมรี ความกว้างตามแนวทิศตะวันออก - ตะวันตกประมาณ ๔๕๐ เมตร ความยาวตามแนวทิศเหนือ - ใต้ประมาณ ๖๕๐ เมตร มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ด้านเหนือมีคันดินสามชั้น ความกว้างของคันดินประมาณ ๓ เมตร ความสูงประมาณ ๒.๕ เมตร แนวคันดินด้านตะวันตกมี ๒ คัน ด้านทิศใต้เหลือ ๑ คัน ส่วนใหญ่ถูกทำลายไปเพื่อทำนา ทำถนน และทำที่อยู่อาศัย คูน้ำมี ๒ ชั้น ทางด้านเหนือชั้นในกว้างประมาณ ๓๐ เมตร ชั้นนอกกว้างประมาณ ๕๕ เมตร เรียกว่าบึงเจ้าปู่ คูน้ำด้านทิศตะวันออกเป็นบึงขนาดใหญ่ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียกว่าบึงหว้า คูเมืองด้านทิศตะวันตกยังคงมีน้ำขังอยู่เต็ม ได้แก่บึงขัว และบึงหนาด คูน้ำชั้นนอกปัจจุบันมีสภาพเป็นผืนนาเสียส่วนใหญ่

ภายในบริเวณหมู่บ้านได้พบโบราณวัตถุหลายชนิด ได้แก่ ใบเสมา พระพุทธรูปหินทราย แท่นหิน เศษภาชนะดิน เผาด้วยความร้อนต่ำ มีทั้งชนิดเนื้อหยาบ ไปถึงเนื้อละเอียดตกแต่งผิวด้วยแบบลายเชือกทาบ แบบปั้นแปะ แบบลายขูดขีด แบบลายเขียนสีแดง และแบบลายเขียนสีขาว นอกจากนั้นได้พบหลักศิลาจารึก ๑ หลัก เป็นอักษรขอมภาษาสันสกฤต พบที่เนินดินกลางทุ่งนา ที่เรียกว่าโนนสังอยู่ห่างจากบ้านบึงแกออกไปประมาณ ๘๐๐ เมตร ชุมชนแห่งนี้มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องมาถึงสมัยทวาราวดี มีอายุประมาณ ๒,๐๐๐ - ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว


แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวยโสธร-แหล่งโบราณคดีบ้านบึงแก


ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


รายละเอียด

ภูถ้ำพระ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านกุดแห่ หรือกุดแห ตำบลกุดเชียงหมี ห่างจากอำเภอเลิงนกทา 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 212 และห่างจากอำเภอเมือง 85 กิโลเมตร ที่เรียกว่า “ภูถ้ำพระ” เนื่องจากมีพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำจำนวนมาก ถ้ำพระนี้เป็นถ้ำใหญ่กว้างประมาณ 3 วา ยาวประมาณ 8 วา ตั้งอยู่ชะง่อนภูด้านทิศใต้ มีทางเข้าไปตามซอกหินเป็นอุโมงค์ จากปากถ้ำเลยไปทางทิศเหนือ สามารถเดินลอดไปได้ บนภูเขาลูกนี้นอกจากจะมีบรรยากาศร่มเย็นและร่มรื่น ไปด้วยป่าไม้หนาทึบแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีถ้ำอื่นๆ อีก อาทิ ถ้ำเค็ง ถ้ำงูซวง ถ้ำเกลี้ยง และถ้ำพรหมบุตร


แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดยโสธร, ภูถ้ำพระอำเภอเลิงนกทา จ.ยโสธร



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น




รายละเอียด


ชื่อพิพิธภัณฑ์ : พิพิธภัณฑ์บั้งไฟยโสธร

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : เทศบาลเมืองยโสธร

ผู้รับผิดชอบหลัก : เมธาวี พวงศรี หมายเลขโทรศัพท์ 045- 715491

ที่ตั้ง : พิพิธภัณฑ์บังไฟของจังหวัดยโสธรตั้งอยู่ในเขตโรงเรียนเทศบาล 1 ( สุขวิทยาคารตั้งตรงจิตร 15)ตรงข้ามกับหน้าที่ว่าการอำเภอเมือง
จังหวัดยโสธรถนนแจ้งสนิท ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

ประวัติความเป็นมา :
พิพิธภัณฑ์บั้งไฟของจังหวัดยโสธรเกิดขึ้นจากความร่วมมือของเทศบาลเมืองยโสธรตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ . ศ . 2496
ได้กำหนดให้เทศบาลมีการบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ดังนั้นเทศบาลเมืองยโสธร
ได้ตระหนักในภารกิจ ที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วนและเล็งเห็นความจำเป็นและความสำคัญจึงได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์ บั้งไฟขึ้นโดยการ
เข้าไปดูแลและสนับสนุนงบประมาณตามโครงการท่องเที่ยวไทยและท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้มาตรฐานการพัฒนาชนบทและชุมชน
( มพช .) โดยได้สนับสนุนงบประมาณเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 6,796,000 บาท ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์บั้งไฟยโสธร
ดังต่อไปนี้
1. เพื่อรวบรวมตำนานและวิวัฒนาการของประเพณีบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร
2. เพื่อเก็บรวบรวมและแสดงสิ่งต่างๆที่สำคัญเกี่ยวกับภูมิปัญญาของชาวบ้านให้ดำรงสืบต่อไป
3. เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาเล่าเรียนและก่อให้เกิดความเพลิดเพลินใจในการเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์
4. เพื่อจัดแสดงนิทรรศการเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติของประเพณีบุญ บั้งไฟ การจัดทำบั้งไฟและเพื่อธำรงอนุรักษ์
บั้งไฟและประเพณีบุญบั้งไงให้คงอยู่ควบคู่ไปกับชาวจังหวัดยโสธรทุกคน
5. เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดยโสธรและการท่องเที่ยวของประเทศไทย
พิพิธภัณฑ์บั้งไฟเปิดทำการให้ผู้ที่มีความสนใจเข้าชมครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2545 ในช่วงเวลาก่อนงานประเพณีบุญบั้งไฟจะเกิดขึ้น

อาคารสถานที่ :
เทศบาลเมืองยโสธรได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันภายใน เพื่อหาอาคารรองรับการ จัดแสดงนิทรรศการบั้งไฟ และได้ข้อสรุปว่า
ให้ดัดแปลงปรับปรุงอาคารห้องประชุมของโรงเรียนเทศบาล 1 ( สุขวิทยาคารตั้งตรงจิตร 15) เป็นสถานที่จัดแสดงพิพิธภัณฑ์บั้งไฟของจังหวัด
ยโสธรซึ่งอาคารดังกล่าวเป็นอาคาร 2 ชั้น มีมุขยื่นออกมาด้านหน้า

การจัดแสดงภายใน :
การจัดแสดงนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์บั้งไฟ ชั้นแรกนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีบุญบั้งไฟ ตำนานความเชื่อของการ
ก่อกำเนิดบุญบั้งไฟ อุปกรณ์การทำบั้งไฟ การเอ้บั้งไฟ ในส่วนของชั้นที่ 2 เป็นการจัดแสดงบั้งไฟขนาดต่างๆตามที่ชาวบ้านเรียกชื่อ เช่น
บั้งไฟหมื่น บั้งไฟแสน บั้งไฟม้า บั้งไฟตะไล ฯลฯ

ลักษณะพิเศษที่เป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าต่อชุมชน :
องค์ความรู้ที่นำเสนอภายในพิพิธภัณฑ์บั้งไฟคือ ตำนานของประเพณีบุญบั้งไฟ ประวัติความเป็นมาของบุญบั้งไฟจังหวัดยโสธร
ขนาดและรูปร่างของบั้งไฟแต่ละชนิด และการนำบั้งไฟของประเทศญี่ปุ่นที่นำมาเข้าร่วมแข่งขันในงานประเพณีบุญบั้งไฟในแต่ละปี


แหล่งที่มา:http://www.museum.msu.ac.th/museum/data/yt_bungfai.htm
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยว,พิพิธภัณฑ์บั้งไฟจังหวัดยโสธร




ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


รายละเอียด

ชื่อ วัดสิงห์ท่าสถานที่ตั้ง วัดสิงห์ท่า ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธรประวัติความเป็นมาจากพงศาวดารเมืองยโสธร ได้กล่าวว่า เจ้าคำสู เจ้าคำขุย ญาติพี่น้อง และไพร่พล ได้เข้ากราบลาเจ้าพระตา เจ้าพระวอ เจ้าคำผงและทุกคน เพื่อไปสร้างเมืองใหม่ไว้เป็นเมืองหน้าด่านของเมืองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้ว บัวบาน เมื่อเจ้าคำสูและคณะเดินทางมาถึงดงหัวช้างได้ตั้ง สัจจาธิษฐานต่อเทพยดาอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตย์อยู่ในดงนี้ขอตั้ง บ้านเรือน แล้วจัดพิธีจับสลากเสี่ยงทาย แต่จับสลากไม่ได้ เจ้าคำสูจึงให้คณะหยุดพักอยู่ ณ ดงนี้ก่อน โดยให้ตั้งบ้านเรือนขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงชั่วคราว ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า บ้านสิงห์หิน (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบ้านสิงห์โคก) ต่อจากนั้นเจ้าคำสูจึงได้ให้ท้าวอินทิสาน ท้าวเมืองกลาง และพราหมณ์ ออกตรวจดูภูมิประเทศหาที่ตั้งเมืองต่อไป ท้าวอินทิสานและคณะได้พากันเดินทางมาถึงดงใหญ่ใกล้ท่าชีได้พบพระพุทธรูปใหญ่ อยู่ในวัดร้างองค์หนึ่ง และพบรูปสิงห์ทองอีกตัวหนึ่ง ท้าวอินทิสานและคณะจึงได้ทำพิธีขอตั้งเมือง โดยให้ท้าวเมืองกลางเป็นผู้จับสลาก ในที่สุดจับสลากได้ใบที่เป็นอุตมะดีเลิศ จึงได้กลับไปกราบทูลให้เจ้าคำสูทราบ ท้าวคำสูจึงได้แบ่งไพร่พลเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งให้คงไว้ที่บ้านสิงห์หิน โดยให้เจ้าคำขุยรักษาญาติพี่น้องและไพร่พลที่อยู่ที่บ้านสิงห์หิน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งท้าวคำสูได้พามาสร้างบ้านเมืองขึ้นใหม่ที่ดงขวางท่าชี ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า บ้านสิงห์ท่า และพัฒนาขึ้นเป็นเมืองยโสธร และให้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณที่มีพระพุทธรูปใหญ่อยู่ก่อนนั้น เสร็จแล้วให้ชื่อว่า วัดหลวงพระเจ้าใหญ่ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสิงห์ท่าความสำคัญต่อชุมชน วัดสิงห์ท่าเป็นวัดที่มีประวัติการสร้างพร้อมกับ การสร้างเมืองยโสธร ถือได้ว่าเป็นวัดแห่งแรกของเมืองยโสธร เป็นวัดศูนย์รวมชุมชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองยโสธร ผู้คนที่ตั้งชุมชนอยู่โดยรอบเรียกว่า คุ้มวัดสิงห์ท่า บริเวณคุ้มบ้านสิงห์ ท่า ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองเป็นย่านเมืองเก่าที่ปรากฏนามอยู่ในประวัติ ศาสตร์การก่อตั้งเมืองปัจจุบันในบริเวณดังกล่าวยังคงมีตึกแถวโบราณที่มีรูป ทรงและลวดลายงดงามและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีซึ่งเหมาะแก่การท่อง เที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง ลักษณะทางสถาปัตยกรรม วัดสิงห์ท่าเป็นวัดที่เก่าแก่ของชุมชนระยะเริ่มแรกที่เข้ามาตั้งเมืองยโสธร มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐฉาบปูนลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 3 เมตรเศษเส้นทางที่เข้าสู่วัดทุ่งสว่างชัยภูมิ เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่กลางชุมชนเมือง ในเขตเทศบาลเมืองยโสธร ห่างจากตลาดสดเทศบาลเพียง 500 เมตร เส้นทางการเข้าถึงจึงสะดวก

แหล่งที่มา:http://www.yst1.go.th/viewpage.php?page_id=5
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดยโสธร, เมืองเก่าวัดสิงห์ท่า



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


รายละเอียด
สวนสาธารณะพญาแถน
ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมถนนแจ้งสนิท (ทางหลวงหมายเลข 23) ติดกับ อ่างเก็บน้ำลำทวน ภายในสวนพญาแถนมีลำน้ำเล็กๆ คดเคี้ยวล้อมรอบพื้นที่ 18 ไร่ 2 งาน 57 ตารางวา บริเวณโดยรอบประกอบด้วยสวนไม้ดอก ไม้ประดับ สังคีตศาลา (เวทีการแสดงกลางแจ้ง) สนามเด็กเล่น และสวนสุขภาพ ทางเทศบาลกำหนดให้สวนพญาแถนเป็นสถานที่จัดงานบั้งไฟประจำปี (พญาแถนเป็นชื่อ ของเทพเจ้าแห่งฝนตามความเชื่อของชาวอีสานว่าเมื่อถึงเดือนหกอันเป็น เดือนต้นฤดูฝน จะต้องทำบั้งไฟจุด ขึ้นไปบนท้องฟ้าถวายพญาแถน ฝนจะได้ตกต้องตามฤดูกาล) นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานแข่งเรือสั้น ประจำปี และงานสงกรานต์ เมื่อปี พ.ศ. 2525 สวนแห่งนี้ยังได้รับรางวัลสวนสาธารณะดีเด่น ประจำภาค 3 ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย



แผนที่แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยโสธร,สวนสาธารณะพญาแถน





ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น




รายละเอียด
ชื่อ วัดมหาหาตุ / พระธาตุยโสธร / พระธาตุอานนท์
ที่อยู่ ภายในเขตเทศบาลเมือง

สิ่งที่น่าสนใจ
1. พระพุทธบุษยรัตน์ / พระแก้วหยดน้ำค้าง
- เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ
- ศิลปะสมัยเชียงแสน
- เป็นพระบูชาคู่บ้านคู่เมืองของยโสธร
ที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้พระสุนทรราชวงศา
( เจ้าเมืองยโสธรคนแรก )

2. พระธาตุยโสธร / พระธาตุอานนท์
- อยู่หน้าอุโบสถ
- เป็นพระธาตุรุ่นเก่าที่สำคัญองค์หนึ่งในภาคอีสาน
- เจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม
- ส่วนยอดคล้ายพระธาตุพนม
- ภายในพระธาตุบรรจุอัฐิธาตุของพระอานนท์
- อิทธิพลศิลปะลาว ที่นิยมสร้างขึ้นเมื่อปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์

ประวัติ
- สร้างประมาณ พ.ศ. 2321
- โดยท้าวหน้า ท้าวคำสิงห์ ท้าวคำผา ซึ่งเดิมเป็นเสนาบดีเก่าของ
กรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) ) ต่อมาได้อพยพผู้คนภายใต้
การนำของพระวอ พระตา ราว พ.ศ. 2313 - 2319 มาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่นี้

จุดเด่น
- ฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ 81 เมตร
- ก่ออิฐถือปูน
- เอวฐานคอดเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย
- เหนือขึ้นไปเป็นเรือนธาตุ
- มีซุ้ม 4 ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืน
- ส่วนยอดธาตุมียอดปลีเล็กแซมทั้ง 4 ด้าน
- ยอดกลางทรงสี่เหลี่ยมสอบ มี 2 ชั้น
- รูปแบบการก่อสร้างคล้ายกับพระธาตุก่องข้าวน้อย

งานสมโภชพระธาตุอานนท์ประจำปี
- เดือนมีนาคม

3. หอไตร
- เป็นที่เก็บคัมภีร์ใบลานของวัด
- ตั้งอยู่ตรงกลางสระทางทิศ ตอ. / น. ของพระธาตุ
- แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- ลักษณะแบบหอไตรภาคอีสานทั่วไป
- มีทางเดินโดยรอบติดกันใต้ชายคา
- เป็นที่เก็บรักษา
- ตู้พระธรรม
- หีบพระธรรม
- เสลี่ยงชั้นวางคัมภีร์ ( มาจากเวียงจันทน์ )

- ซุ้มประตูและบานประตูไม้
- สลักลวดลายเครือเถา
- ลงรักปิดทอง
- ฝาผนัง
- มีลวดลายลักษณะผสมแบบภาคกลาง
- สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างขึ้น ประมาณสมัย ร.4 - ร.5
แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวพระธาตุอานนท์



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น



























รายละเอียด


ข้อมูลทั่วไป - พระธาตุก่องข้าวน้อย พระธาตุก่องข้าวน้อย เป็นเจดีย์เก่าสมัยขอม ตั้งอยู่ในทุ่งนา ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 9 กม. ไปตามทางหลวงหมายเลข 23 (ยโสธร-อุบลราชธานี) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 194 เลี้ยวซ้ายไปอีก 1 กิโลเมตร พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์เก่าสมัยขอม สร้างในพุทธศตวรรษที่ 23-25 ตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ในเขตวัดพระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงทุ่งนาในเขตตำบลตาดทอง พระธาตุก่องข้าวน้อยเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน รูปทรงแปลกไปจากเจดีย์โดยทั่วไป คือมีลักษณะเป็นก่องข้าว องค์พระธาตุเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สาม ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 2 เมตร ก่อสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ช่วงกลางขององค์พระธาตุมีลวดลายทำเป็นซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน ถัดจากช่วงนี้ไปเป็นส่วนยอดของเจดีย์ที่ค่อยๆ สอบเข้าหากัน ส่วนยอดรอบนอกของพระธาตุก่องข้าวน้อยมีกำแพงอิฐล้อมรอบขนาด 5x5 เมตรนอกจากนี้บริเวณด้านหลังพระธาตุมีพระพุทธรูปอยู่องค์หนึ่งก่อด้วยอิฐ ชาวบ้านนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และในเดือนห้าจะมีผู้คนนิยมมาสรงน้ำพระและปิดทอง ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้ฝนจะแล้งในปีนั้น พระธาตุก่องข้าวน้อยมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งผิดไปจากปูชนียสถานแห่งอื่นๆ ที่มักเกี่ยวพันกับเรื่องพุทธศาสนา แต่ประวัติความเป็นมาของพระธาตุก่องข้าวน้อยกลับเป็นเรื่องของหนุ่มชาวนาที่ทำนาตั้งแต่เช้าจนเพล มารดาส่งข้าวสายเกิดหิวข้าวจนตาลาย อารมณ์ชั่ววูบทำให้เขากระทำมาตุฆาตด้วยสาเหตุเพียงว่าข้าวที่เอามาส่งดูจะน้อยไปไม่พอกิน ครั้นเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ข้าวยังไม่หมดจึงได้สติคิดสำนึกผิดที่กระทำรุนแรงต่อมารดาของตนเองจนถึงแก่ความตาย จึงได้สร้างพระธาตุก่องข้าวน้อยแห่งนี้ขึ้น เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลขออโหสิกรรมและล้างบาปที่ตนกระทำมาตุฆาต นอกจากนี้ที่บริเวณบ้านตาดทอง กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดค้นเรื่องราวของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ได้ค้นพบโครงกระดูกมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และภาชนะลายเขียนสีแบบบ้านเชียงซึ่งกรมศิลปากรกำลังดำเนินการจัดตั้งอุทยานก่อนประวัติศาสตร์ขึ้น


แหล่งที่มา



แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวพระธาตุก่องข้าวน้อย





ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น


เครือข่ายอินเตอร์เน็ตมี2ชนิด

(1) เครือข่ายแลน (Local Area Network : LAN)หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท้องถิ่น เป็น เครือข่าย คอมพิวเตอร์ ซึ่งเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสาร ที่อยู่ในท้องถิ่น ที่บริเวณเดียวกัน เข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายใน องค์การ ที่มีระยะทาง ไม่ไกลมากนัก เครือข่ายแลน จัดได้ว่าเป็น เครือข่าย เฉพาะของ องค์การ การสร้าง เครือข่ายแลนนี้ องค์การ สามารถดำเนิน การทำเองได้ โดยวางสาย สัญญาณ สื่อสารภาย ในอาคาร หรือภายใน พื้นที่ ของตนเอง เครือข่ายแลน มีตั้งแต่ เครือข่าย ขนาดเล็กที่ เชื่อมโยง คอมพิวเตอร์ ตั้งแต่สองเครื่อง ขึ้นไปภายในห้อง เดียวกันจนถึง เชื่อมโยง ระหว่างห้อง หรือองค์การ ขนาดใหญ่ เช่นมหาวิทยาลัย มีการวาง เครือข่ายที่เชื่อมโยง ระหว่างอาคารภายใน มหาวิทยาลัย เครือข่ายแลน จึงเป็นเครือข่าย ที่รับผิดชอบโดย องค์การที่เป็นเจ้าของลักษณะสำคัญ ของเครือข่ายแลน คือ อุปกรณ์ที่ ประกอบภายใน เครือข่าย สามารถ ส่งรับสัญญาณ กันด้วย ความเร็วสูง มาก โดยทั่วไป มีความเร็ว ตั้งแต่ หลายสิบล้านบิต ต่อวินาที จนถึง ร้อยล้านบิต ต่อวินาที การสื่อสาร ในระยะใกล้ จะมีความเร็ว ในการสื่อสารสูง ทำให้การ รับส่งข้อมูล มีความผิดพลาดน้อย และสามารถรับส่งข้อมูล จำนวนมาก ในเวลาจำกัดได้เครือข่ายแลน จึงเป็นเครือข่าย ที่มีบทบาทสำคัญ ในการเชื่อมโยง ระบบคอมพิวเตอร์ ในองค์การ และมีแนวโน้ม ที่จะทำให้ทรัพยากร การประมวลผล ในองค์การ เชื่อมโยง เป็นระบบเดียว ทำให้ใช้งานร่วมกัน ได้ทั้งองค์การ(2) เครือข่ายแวน (Wide Area Network : WAN)เป็นเครือข่าย คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมโยง ระบบคอมพิวเตอร์ ในระยะ ห่างไกล เช่นเชื่อมโยง ระหว่างจังหวัด ระหว่าง ประเทศ การสร้าง เครือข่าย ระยะไกล จึงต้อง พึ่งพา ระบบบริการ ข่ายสาน สาธารณะ เช่น ใช้สายวงจรเช่า จากองค์การ โทรศัพท์ แห่งประเทศไทย หรือการสื่อสาร แห่งประเทศไทย ใช้วงจรสื่อสาร ผ่านดาวเทียม ใช้วงจรสื่อสาร เฉพาะกิจ ที่มีให้บริการแบบ สาธารณะ เครือข่ายแวน จึงเป็น เครือข่าย ที่ใช้กับองค์ การที่มีสาขา ห่างไกล และต้องการเชื่อม สาขาเหล่านั้น เข้าด้วยกัน เช่น ธนาคาร มีสาขา ทั่วประเทศ มีบริการรับ ฝากถอนเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็มเครือข่ายแวน เชื่อมระยะทาง ไกลมาก จึงมีความเร็ว ในการสื่อสาร ไม่สูง เนื่องจากจะ มีสัญญาณ รบกวน ในสาย และการเชื่อมโยง ระยะไกล จำเป็นต้องใช้ เทคนิคพิเศษ ในการลดปัญหา ข้อผิดพลาด ของการรับส่ง ข้อมูลเครือข่ายแวน เป็นเครือข่ายที่ ทำให้ เครือข่ายแลน หลายๆ เครือข่าย เชื่อมถึง กันได้ เช่นที่ทำการ สาขาทุกแห่ง ของธนาคาร แห่งหนึ่ง มีเครือข่ายแลน เพื่อใช้ทำงาน ภายในสาขานั้นๆ และมีการ เชื่อมโยง เครือข่ายแลน ของทุกสาขา ให้เป็นระบบ เดียวด้วย เครือข่ายแวนในอนาคต อันใกล้นี้ บทบาท ของเครือข่าย แวนจะทำ ให้ทุกบริษัท ทุกองค์การ ทุกหน่วย งานเชื่อมโยง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ของตนเองเข้าสู่ เครือข่ายกลาง เพื่อการแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกัน และการทำงาน ร่วมกันในระบบ ที่ต้องติดต่อ สื่อสารระหว่างกันเทคโนโลยี ที่ใช้กับ เครือข่ายแวน มีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยง ระหว่างประเทศ ด้วยช่อง สัญญาณดาวเทียม เส้นใยนำแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล ทั้งที่วาง ไปตามถนน และวางใต้น้ำ เทคโนโลยี ของการเชื่อมโยง ได้รับการพัฒนา ไปมาก แต่ก็ยังไม่ พอเพียง กับความต้องการ ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างรวดเร็ว



อินเตอร์เน็ต (Internet) คือ เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน มาจากคำว่า Inter Connection Network อินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดใหญ่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องทั่วโลก สามารถติดต่อสื่อสารถึงกัน ได้โดยใช้มาตรฐาน ในการรับส่งข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียว หรือที่เรียกว่าโปรโตคอล (Protocol) ซึ่งโปรโตคอล ที่ใช้บนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มีชื่อว่า ทีซีพี/ไอพี (TCP/IP : Transmission Control Protocol/Internet Protocol) ลักษณะของระบบอินเตอร์เน็ต เป็นเสมือนใยแมงมุม ที่ครอบคลุมทั่วโลก ในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตนั้น สามารถสื่อสารกันได้หลายเส้นทาง ตามความต้องการ โดยไม่กำหนดตายตัว และไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางโดยตรง อาจจะผ่านจุดอื่น ๆ หรือ เลือกไปเส้นทางอื่นได้หลาย ๆ เส้นทาง การติดต่อสื่อสาร ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต นั้นอาจเรียกว่า การติดต่อสื่อสารแบบไร้มิติ หรือ Cyberspace ปัจจุบันอินเตอร์เน็ต ได้เข้ามามีบทบาทและความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา ทั้งการศึกษา การพาณิชย์ ความบันเทิงและอื่นๆ ดังนี้ ด้านการศึกษา 1. สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชา หรืออ่านหนังสือออนไลน์ 2. ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดออนไลน์ 3. นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเตอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น 4. สามารถทำการเรียนการสอนผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้ ด้านการพาณิชย์ 1. ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ 2. สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 3. ทำการตลาดการโฆษณาผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต 4. ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น ด้านการบันเทิง 1. การพักผ่อนหย่อนใจ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต อ่านหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ 2. การเล่นเกมออนไลน์ 3. สามารถฟังวิทยุหรือดูการถ่ายทอดสดผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ 4. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ในระบบอินเตอร์เน็ตยังมีบริการอื่นๆ อีกมากมาย พอจะสรุปได้ว่า อินเตอร์เน็ต มีความสำคัญ ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย การติดต่อสื่อสารที่สะดวก และรวดเร็ว แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร

http://learners.in.th/blog/hugjung5


ไร้สายเครือข่ายบรอดแบนด์หมายถึงชุดของเทคโนโลยีไร้สายที่เชื่อมต่อลูกค้าลิงค์ไปยังให้บริการอินเทอร์เน็ตโดยใช้ที่ดินตามสายเคเบิล. ไร้สายบรอดแบนด์ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต cafs ท้องถิ่นสถานบันเทิงธุรกิจบ้านเรือนที่ราชการ, โรงพยาบาล, และอื่นๆอีกมากมาย. บรอดแบนด์ด้วยระบบไร้สายคุณสามารถใช้อินเตอร์เน็ตโดยการใช้สายเคเบิลดั้งเดิม. สามารถใช้งานโดยบุคคลและธุรกิจที่ใช้จ่ายบานเบอะเวลาในการเดินทางไปจากที่กำหนดจากที่ตั้งอื่น. นอกจากนี้ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตในชนบทและค่อนข้างแยกจากกันพื้นที่. หลักใช้ของเครือข่ายไร้สายบรอดแบนด์ LANs เป็นสำหรับการเชื่อมต่อไปยังอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้สำหรับการเชื่อมต่อของบริการเช่นข้อมูลเสียงและวิดีโอมากกว่าเดียวกันท่อ. แทนการเชื่อมโยงไปยังอุปกรณ์ผ่านกินกันของสาย, คอมพิวเตอร์ picks ขึ้นส่งสัญญาณจากคลื่นวิทยุทาวเวอร์. อุปกรณ์ที่ได้รับข้อมูลแล้วข้อมูลนี้จะเปลี่ยนเป็นสัญญาณวิทยุที่ได้รับโดย Wi-Fi อะแดปเตอร์ที่อยู่ภายในคอมพิวเตอร์. อย่างไรไร้สายบรอดแบนด์ทำงาน? ไร้สายใช้บรอดแบนด์สั้นช่วงคลื่นวิทยุเพื่อสร้างที่ระบุครอบคลุมพื้นที่ที่คอมพิวเตอร์สามารถในเครือข่ายโดยสาย. ที่เครือข่ายบรอดแบนด์ประกอบด้วยชุดของอาคารที่มีวางในคลื่นวิทยุพื้นที่. ซึ่งช่วยให้ให้บริการระบบไร้สายความเร็วสูงส่งอินเทอร์เน็ตทุกที่ในพื้นที่โดยการใช้สายโทรศัพท์และสายที่มีปกติที่เกี่ยวข้องกับดั้งเดิมบรอดแบนด์และ dialup เข้าถึง. ที่บรอดแบนด์คือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายเสียบปลั๊กไฟเป็นเราเตอร์. คุณสามารถพอดีการ์ดไร้สายเป็นคอมพิวเตอร์ทั้งโดยเปิดคอมพิวเตอร์และวางบัตรภายในหรือโดย plugging ในใช้เคเบิลหรือพอร์ต. เมื่อคุณพอดีเหล่านี้บัตรและหันบนคอมพิวเตอร์ของคุณควรมีช่องป๊อปอัพที่จะถามซึ่งเครือข่ายไร้สายที่คุณต้องการเชื่อมต่อไปยัง. เราเตอร์ของคุณโดยอัตโนมัติควรสร้างเครือข่าย. คุณเลือกที่เหมาะสมจากนั้นเครือข่ายที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต. ผู้ใช้สามารถซื้อพีซีการ์ดแล็ปท็อปบัตรหรือ USB อุปกรณ์เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือแล็ปท็อปไปยังอินเทอร์เน็ตโดยวิธีโทรศัพท์เคลื่อนที่ทาวเวอร์. การตั้งค่าฮาร์ดแวร์สำหรับเครือข่ายไร้สายคุณจะต้องมีอะแดปเตอร์ไร้สาย, เราเตอร์และสลับและโมเด็มไร้สายบรอดแบนด์. มีสายที่มีการรันจากบรอดแบนด์โมเด็มไร้สายไปยังเดสก์ท็อป. อย่างไรก็ตามจริงอินเทอร์เน็ตสัญญาณคือ broadcasted wirelessly และสามารถเลือกโดยรีโมทคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปหรือ. เนื่องจากไร้สายบรอดแบนด์เป็นส่งผ่านคลื่นวิทยุคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้การรักษาความปลอดภัยรหัสผ่านเพื่อให้แน่ใจว่าคนผิดกฎหมายไม่สามารถเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายของคุณและคอมพิวเตอร์. เป็นสำคัญที่บ้านผู้ใช้ติดตั้งที่เหมาะสมมาตรการรักษาความปลอดภัย ไร้สายบรอดแบนด์ประโยชน์ ไร้สายบรอดแบนด์ได้ทั้งหมดประโยชน์ของบรอดแบนด์ดั้งเดิมรูปแบบของ. ประกอบด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ต้องการที่ดินบรรทัดเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความสะดวกในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายจากทุกที่ที่มีให้ไม่ต้องสำหรับเทคนิคการติดตั้งและราคาไม่ใดๆที่แตกต่างกันกว่าเครือข่ายบริการ. คุณสามารถใช้บรอดแบนด์ที่ใดก็ได้และเพลิดเพลินกับการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเมื่อใดก็ตามที่คุณจำเป็นต้องใช้. ไร้สายบรอดแบนด์เข้าถึงโดยปกติไม่ช้าลงกว่าใดๆที่ใช้โมเด็ม. ณคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี evolves คนขณะนี้เป็นเพิ่มเติมเคลื่อนที่ในชีวิตประจำวันชีวิตรวมถึงการทำงานอยู่ไร้สายบรอดแบนด์กลายเป็นที่สำคัญสื่อสาร







อินเทอร์เน็ต ( Internet ) เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าด้วยกัน เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไซเบอร์สเปซ ( Cyberspace ) อินเทอร์เน็ต ทำให้การเคลื่อนย้ายและส่งผ่านข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งกระทำได้โดยง่าย โดยไม่จำกัดเรื่องระยะทางและเวลา สามารถส่งข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ส่งเป็นแบบข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมต่อเครือข่าย การเชื่อมโยงเครือข่ายจะใช้เครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม เช่น สายสัญญาณโทรศัพท์ ใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) สัญญาณไมโครเวฟ สัญญาณจากดาวเทียม ทำให้การส่งผ่านข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเป็นไปด้วยความรวดเร็ว อินเทอร์เน็ตเป็น แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นที่รวมทั้งบริการและเครื่องมือสืบค้นข้อมูลหลายประเภท จนกระทั่งกล่าวได้ว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร การเชื่อมต่อเข้าเป็นอินเทอร์เน็ตอาศัยการบริหารแบบกระจายอำนาจอินเทอร์เน็ต จึงไม่มีใครเป็นเจ้าของหรือควบคุมดูแลอย่างแท้จริง เครือข่ายแต่ละส่วนในอินเทอร์เน็ตต่างบริหารเครือข่ายของตนเองอย่างเป็นอิสระโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายติดตั้งระบบและการเช่าวงจรสื่อสารเพื่อต่อเชื่อมเข้าด้วยกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้วอินเทอร์เน็ตมีองค์กรระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างสมาชิกองค์การนี้ได้แก่ สมาคมอินเทอร์เน็ต ISOC ( Internet Society ) ISOC เป็นองค์กรเพื่อความร่วมมือและประสานงานของสมาชิกอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร และมีนโยบายสนับสนุนการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐานอย่างหนึ่งสำหรับการศึกษาและงานวิจัย และทำหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ให้แก่ผู้ ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป ISOC ยังทำหน้าที่พัฒนามาตรฐานและเทคโนโลยีเพื่อใช้ในอินเทอร์เน็ต ภายใน ISOC มีคณะทำงานอาสาสมัครร่วมวางแนวทางพัฒนาอินเทอร์เน็ต ให้สมาชิกถือปฏิบัติ แต่ไม่มีหน้าที่ดูแลหรือควบคุมการบริหารเครือข่ายแต่อย่างใด

แหล่งที่มา:http://www.yupparaj.ac.th/CAI/it/index.html






internet เป็นช่องทางการเรียนรู้ทางเลือกสำหรับเยาวชนทุกคน หรืออาจเป็นช่องทางการเรียนรู้หลักไปด้วยสำหรับบางคนที่เลือกระบบการเรียนรู้ผ่านช่องทางนี้ในระดับอุดมศึกษา โจทย์ใหญ่สองประการที่น่าคิดสำหรับการใช่ internet คือ เราใช่ประโยชน์หรือช่วยให้เยาวชนได้ใช่ประโยชน์อย่างเต็มที่ อย่างทั่วถึงหรือยัง และเรามีวิธีป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช่งานของ internet หรือยัง โดยเฉพาะสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่ๆที่ก้าวเข้ามาสัมผัสเทคโนโลยีนี้
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับว่าการใช้งานเทคโนโลยี ควรมีคู่มือการใช่งาน เป็นสิ่งแรกที่เราสามารถศึกษาก่อนการใช่งานจริง หรือแม้ใช่งานไปแล้วไม่แน่ใจก็กลับมาอ่านข้อแนะนำในคู่มืออีกได้ internet เองก็มีข้อแนะนำมากมายในการใช่งาน แม้ไม่แก้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการใช่งาน อย่างน้อยช่วยให้ข้อสังเกต ข้อแนะนำเบื้องต้นได้ การรวบรวมข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ไว้ใน web นี้ จึงเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถเข้าถึงได้ และที่สำคัญการเริ่มใช่งาน net ของเด็กไทย เริ่มจากอายุที่น้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งการใช่งานยังอยู่ในความดูแลของผุ้ใหญ่ในครอบครัวและในโรงเรียน ขณะที่ผู้ใหญ่รุ่นนี้จำนวนมากไม่รู้ทั้งตัวเทคโนโลยี และไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดตามมา ไม่รู้ว่าจะให้ข้อแนะนำดีๆกับเด็กอย่างไร การทำงานกับผู้ใหญ่จึงเป็นหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะสนับสนุนการใช่งานอย่างเหมาะสม สามารถติดตามดูแลเด็กได้ถูกทาง มากกว่าปล่อยให้เด็กค้นหาด้วยตนเอง หรือเทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องแยกผู้ใหญ่ออกจากเด็ก หรือผู้ใหญ่บางคนกลัว internet จนปิดกั้นเด็กไม่ให้เข้ามาสู่การเรียนรู้ผ่าน internet

นอกจากข้อแนะนำดีๆที่จะเกิดขึ้น thaicleannet.com กำลังจะสร้างความร่วมมืออย่างไร้ขอบเขต ให้เกิดพื้นที่ที่เด็กสามารถเข้ามาใช่ internet เพื่อการเรียนรู้ เพื่อการผ่อนคลาย เพื่อความสุข ผ่านเครือข่าย web ที่ประสานมือกัน ช่วยกันสร้างชุมชน online ที่มีความตระหนักถึงผู้รับ และสร้างประโยชน์ร่วมกันของทุกๆคน

ความตั้งใจดีๆอย่างนี้ของคณะทำงานและสมาคมผู้ดูแลเว็บไทยจึงได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เพื่อสานความร่วมมือกับทุกองค์กร เข้ามาร่วมสร้างการเรียนรู้ทางเลือกผ่าน internet อย่างปลอดภัยสำหรับเยาวชนไทยต่อไป.








โดยพญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล จากสสส.



1. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อเชื่อมอยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เนต การต่อเครื่องเครื่องคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เนตนั้น ลักษณะการต่อจะขึ้นอยู่กับความเร็วของสายที่ต่อเชื่อม

2. หากท่านต้องการใช้บริการอินเทอร์เนตจากที่บ้าน โดยการต่อคอมพิวเตอร์ที่บ้านให้เข้าสู่ ระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต ท่านต้องมี Modem (โมเด็ม) หรือตัวแปลงสัญญาณ โมเด็มจะเป็นตัวช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของท่านรับข้อมูลจากอินเทอร์เนต ได้ความเร็วของ Modem ควรจะเป็นอย่างต่ำ 14.1 kbps หรือมากกว่านั้น (kilobyte per second = อัตราความเร็วในการส่งข้อมูล)
3. หากท่านใช้บริการอินเทอร์เนตจากที่ทำงาน มหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน สำหรับหน่วยงานใหญ่ ๆ มักจะมีการต่อเชื่อมเข้ากับระบบอินเทอร์เนตด้วยการใช้สายเช่า ซึ่งมีความเร็วในการส่งสัญญาณสูงแทนโมเด็ม และจะต้องมีโปรแกรมที่ช่วยให้ท่านเข้าสู่ระบบอินเทอร์เนต ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะเลือกใช้บริการอะไร ตัวอย่างเช่น หารกจะใช้ E-Mail (Electronic Mail) หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โปแกรมที่จะใช้ได้ เช่น Pine , Eudora , Netscape Mail, Microsoft Explorer แต่ถ้าจะใช้ WWW ก็ต้องใช้โปรแกรม Netscape เป็นต้น
4. Internet Account ท่านต้องเปิดบัญชีอินเทอร์เนต เหมือนกับต้องจดทะเบียนมีชื่อและที่อยู่บนอินเทอร์เนต เพื่อที่ว่าเวลาติดต่อสื่อสารกับใครบนอินเทอร์เนต จะได้มีข้อมูลส่งกลับมาหาท่านได้ถูกที่



การจัดกระบวนการเรียนรู้แบบวัฏจักร การสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน เพื่อพัฒนากระบวนการคิด
ระดับสูงการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนากระบวนการคิดเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในสังคมโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีที่ไร้ขีดจำกัด การแข่งขันทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศต้องพึ่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งการดำเนินชีวิตของมนุษย์จะต้องเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการคิด สิ่งที่ติดตัวนักเรียนไปคือวิธีการคิด กระบวนการคิด กระบวนการแสวงหาความรู้ ความสามารถในการกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้จะกลายเป็นลักษณะนิสัยของผู้เรียนที่จบการศึกษาแล้วจะเป็น “บุคคลที่คิดเป็น รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

http://www.vicha.kroophra.net/index.php?option=com_content&task=view&id=61